Smoking and Chronic Obstructive Pulmonary Disease (COPD)

According to the World Health Organization, tobacco kills a staggering figure of around six million people each year. Six hundred thousand of these mortalities are from non-smokers being exposed to second hand smoking.

Although smoking is one of the leading cause of death would wide, it is preventable. In addition to accounting to various types of cancer, tobacco smoke can have grave effects on the pulmonary system causing difficulty breathing, shortness of breath and even infection.

Chronic obstructive pulmonary disease (COPD), particularly emphysema is a progressive irreversible respiratory disease directly attributed by tobacco smoking (in rare individuals, enzyme deficiency can also induced emphysema, but we will save this topic for future discussions ☺..). COPD currently affects approximately three hundred and thirty million people globally.

For a better understanding of COPD, lets have a closer look at how our respiratory system function. So, what are the basic components of the respiratory system?

A normal healthy pulmonary system includes many secretory cells as well as numerous sweeping cells called cilia. Cilia cells are entrusted with the tough task of clearing overproduction of secretions along the airway. Moving further down the respiratory system are the alveoli sacs, the essential anatomical structure for gas exchange taking place between oxygen and carbon dioxide. In normal breathing, the only energy being spent is when you inhale. As you inhale, you use your energy to contract the thoracic diaphragm expanding the lungs and filling the chest cavity with air. On the other hand, while exhaling you do not exhaust any energy as the elastic lungs recoil back into the original position forcing the air out.

With the glimpse of normal breathing in mind, lets introduce tobacco smoke into the equation. So, how does tobacco smoke affect healthy lungs?

When a person puffs on a cigarette, the smoke makes its way down the respiratory tract, and disrupts the sweeping duty of the cilia cells that line the airway. As the individual continues to smoke, over time the number of cilia cells declines, which directly leads to an increased amount of mucus in the lower respiratory tract. As the mucus provides bacteria with nutrients, the number of respiratory infections rises. With the constant inflammation of immune cells fighting bacteria, the infections and tar building up from cigarette smoke, the lungs begin to lose their protein responsible for elasticity, which in turn affects the natural elastic recoiling function of the lungs. Finally the alveoli sacs are disrupted leading to slow destruction of pulmonary function (inadequate gas exchange between oxygen and carbon dioxide) – this is the pathology of emphysema.

Patients usually appear very frail and complain of shortness of breath even from minimal activity such as walking around the house. Furthermore, the patient will have a history of frequent cough with sputum production and many have undergone multiple treatments of respiratory infections.

Upon physical examination, the patient is observed to have a “barrel” like shaped chest. This is due to the fact that air is trapped in the airway from the destruction of the elastic fibers of the lungs by tobacco smoke (failure of the natural elastic recoiling of the lungs). Clubbing of the fingers is also often observed, a sign of inadequate oxygen supply in our body (due to the disruption of the gas exchange structure - alveoli sacs).

As COPD is an irreversible lung disease, therapy is to aim to delay progression and improve symptoms. management consists of beta agonist medicine such as albuterol and anticholinergic agents such as tiotropium and ipratropium, which can greatly ameliorate symptoms by dilating the respiratory airways making breathing temporary easier and less painful. While treatment that reduces mortality in COPD appears to be oxygen therapy. Smoking cessation remains the most important single fator in slowing down the progession of the disease. Furthermore, smoking cessation is vital in preventing harmful risk of secondhand smoke to family members, loved ones and the community.

Thai Version:

แปลบทความของ นายแพทย์ Chakriwat Vivacharawongse ตามที่องค์กรอนามัยโรคได้เปิดเผยว่าบุหรี่สามารถฆ่าชีวิตของคนได้ถึง 6 ล้านคนต่อปี 6 แสนคนเสียชีวิตจากการสูดดมควันบุหรี่จากผู้ที่สูบบุหรี่อีกทอดหนึ่ง ถึงแม้ว่าการสูบบุหรี่จะเป็นสาเหตุหลักของโลกมนุษย์ที่ทำให้คนเสียชีวิตแต่นี่ก็เป็นสิ่งที่ป้องกันได้ บุหรี่นอกจากจะเป็นสาเหตุโรคมะเร็งหลายชนิดแล้วยังมีผลต่อระบบในปอดซึ่งอาจเป็นสาเหตุให้หายใจลำบาก หายใจขัดข้อง หรือแม้กระทั่งการติดเชื้อ โรคปอดอุดกั้นเรื้อรังแบบรุนแรงโดยเฉพาะโรคถุงลมโป่งพองเป็นผลมาจากโรคระบบทางเดินหายใจที่พัฒนามาจากการสูบบุหรี่ (พบได้น้อยมากที่เอนโซม์เป็นเหตุให้เกิดโรคถุงลมโป่งพอง แต่พวกเราอาจจะมาพูดคุยกันถึงหัวข้อนี้ครั้งต่อๆไปได้) ในปัจจุบันโรคปอดอุดกั้นเรื้อรังมีผลกระทบต่อคนโดยประมาณ330ล้านคนทั่วโลก

ระบบการหายใจขั้นพื้นฐานคืออะไร สำหรับปอดที่มีสุขภาพดีนั้นรวมไปถึงเซลล์สำคัญหลายๆส่วน เช่น เซลล์ที่ทำหน้าที่ในการโบกพัดที่มีชื่อว่าซิเลีย เซลล์ซิเลียทำงานหนักเพราะต้องทำหน้าที่ขจัดส่วนเกินหรือสิ่งแปลกปลอมจากช่องลม ถ้าหากเราขยับเข้าไปสำรวจให้ลึกในระบบหายใจเราก็จะพบกับถุงลมซึ่งถือว่ามีหน้าที่สำคัญในการแลกเปลี่ยนก๊าซระหว่างออกซิเจนและคาร์บอนไดออกไซด์ ในภาวะการหายใจแบบปกติเราจะใช้พลังงานเมื่อหายใจเข้า ในขณะที่คนเราหายใจเข้านั้น เราใช้พลังไปกับการทำให้กระบังลมที่อยู่ที่ทรวงอกเกิดการหดตัวกระบวนการนี้จะทำให้ปอดขยายตัวลมจะไปเติมช่องว่างในหน้าอก ในทางตรงกันข้ามถ้าหากเราหายใจออกพลังจะหมดไปกับการทำให้ปอดเข้าสู่สภาวะปกติด้วยการขับลมออก แล้วบุหรี่มีผลต่อสุขภาพปอดได้อย่างไรน่ะหรือครับ เมื่อคนจับบุหรี่มาสูบควันบุหรี่ก็จะเดินทางเข้าไปตามช่องทางเดินหายใจและไปรบกวนเซลล์โบกพัดที่ชื่อว่าซีเลียที่อยู่ในช่องทางเดินอากาศ ถ้าหากคนๆนั้นจะยังสูบบุหรี่ไปเรื่อยๆนานๆเข้า เจ้าเซลล์ซิเลียนี้ก็จะลดลงซึ่งเป็นผลให้มีเมือกมากขึ้นในระบบหายใจ เมือกที่เกิดขึ้นนี้ก็เป็นอาหารดีๆของแบคทีเรียนี่เอง และมันเป็นสาเหตุให้ติดเชื้อง่ายขึ้น การที่ระบบภูมิคุ้มกันได้ทำงานต่อสู้กับแบคทีเรีย การติดเชื้อและมีทาร์หรือน้ำมันดินก่อตัวขึ้นจากการสูบบุหรี่ ปลอดก็จะเริ่มสูญเสียความยืดหยุ่น และท้ายที่สุดแล้วถุงลมก็จะถูกทำร้ายจะถึงขั้นทำให้ปอดทำงานช้าลง และที่ก็เป็นลักษณะของอาการผิดปกติอย่างเรื้อรังของปอดโดยที่ถุงลมโป่งพองและขาดการยืดหยุ่น

ผู้ป่วยโดยทั่วไปจะปรากฎอาการหายใจระรินระรวยและหายใจติดขัดเพียงแค่เดินไปมาในบ้าน นอกจากนี้แล้วผู้ป่วยจะมีอาการไอบ่อยครั้งหลายๆคนจะต้องไปรักษาการติดเชื้อของลมหายใจติดเชื้อหลายต่อหลายครั้ง การตรวจร่างกายของผู้ป่วยนั้นจะสังเกตุเห็นได้ว่ามีสิ่งหนึ่งมีลักษณะเหมือนปริมาตรปอดใหญ่ขึ้น (barrel-shaped chest)เป็นผลอันเนื่องมาจากลมถูกกักขังในทางเดินหายใจเพราะได้รับผลกระทบมาจากเส้นใยความยืดหยุ่นปอดถูกทำลาย มีอาการบวมตามข้อของนิ้วมืออันเนื่องมาจากขาดออกซิเจนไปหล่อเลี้ยงร่างกาย (การรบกวนการแลกเปลี่ยนก๊าซในร่างกาย) โรคปอดอุดกั้นเรื้อรังแบบรุนแรงเป็นโรคปอดที่ไม่สามารถแก้ให้กลับมาเหมือนเดิมได้อีก การรักษามีจุดมุ่งหมายเพื่อไม่ให้มีอาการกำเริบไปมากกว่าเดิมและช่วยให้อาการดีขึ้น การรักษาประกอบไปด้วย ยาที่มีส่วนประกอบของเบตาอะโกนิสเช่น albuterol and anticholinergic เช่น tiotropium and ipratropiumช่วยขยายหลอดลมและลดอาการเจ็บปวดปวดจากการหายใจ การรักษาเพื่อช่วยลดการเสียชีวิตจากโรคโรคปอดอุดกั้นเรื้อรังคือการใช้ออกซิเจนในการรักษา แต่วิธีที่ดีที่สุดคือการงดสูบบุหรี่ครับ